จบปัญหาเส้นผมด้วย “นาโนเทคโนโลยี”

นาโนเทคโนโลยีแก้ปัญหาเส้นผมใน herberich

หลายๆคนคงประสบปัญญา ใช้ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาเส้นผมมาหลายยี่ห้อแล้ว มันไม่ค่อยได้ผลหรือเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงเลย และเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารธรรมชาติ(สกัดจากสมุนไพร) แต่เมื่อมันไม่ค่อยได้ผล ก็เลยเหมารวมไปเลยว่า ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาเส้นผมจากธรรมชาติไม่ได้ผล เลยหันไปพึ่งการใช้ยาแทน การแก้ไขปัญหาเส้นผมเป็นการรักษาที่ต้องใช้เวลานาน การใช้ยาเป็นเวลานานทำให้เกิดปัญหาข้างเคียงตามมาอีกมาก เพราะ ยาที่ได้รับอนุญาตให้จ่ายกับคนไข้เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หลักๆแล้วมีอยู่แค่ 2 ตัว คือ ไมน็อกซิดิลกับฟิเนสเตอร์ไรด์ แต่ยาทั้งสองตัวไม่ได้ผลิตมาเพื่อแก้ปัญหาตรงๆเลย ไมน็อกซิดิลเป็นยาปรับความดันเลือด ส่วนฟิเนสเตอร์ไรด์เป็นยาที่ใช้รักษาต่อมลูกหมาก แต่ผลข้างเคียงของมันทำให้ลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน ผลข้างเคียงอื่นๆก็มีตามมาเหมือนกันคือ ไมน็อกซิดิลทำให้ความดันเลือดไม่คงที่และอาจจะทำให้มีขนขึ้นที่ตำแหน่งอื่นๆด้วย ส่วนฟิเนสเตอร์ไรด์เมื่อใช้เป็นเวลานาน จะทำสมรรถภาพลดลงได้ และถ้าใช้แบบชนิดทาน ก็จะทำให้ไตทำงานหนัก อาจจะมีผลข้างเคียงตามมาอีก แต่การใช้ยาทั้ง 2 ตัวหยุดใช้เมื่อไร ผมก็จะกลับมาร่วงใหม่ได้

การเลือกผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาแก้ปัญหาเส้นผมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่การที่จะใช้แล้วให้ได้ผล มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก เช่น การเลือกใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดการหลุดร่วงและกระตุ้นการงอกได้จริง การสกัดแล้วยังมีสารออกฤทธิ์อยู่ปริมาณมากน้อยขนาดไหน สูตรการผลิตมีประสิทธิภาพพอหรือเปล่า มีการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยทั้งในห้องแลปและทางคลินิคก่อนหรือเปล่า ซึ่งทุกปัจจัยที่กล่าวมาล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น ถ้าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว แต่ถ้ามันไม่สามารถซึมผ่านเซลล์ลงลึกไปถึงต้นตอของปัญหาได้ ผลิตภัณฑ์นั้นก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ได้ผล แล้วอะไรละเป็นสาเหตุทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่สามารถซึมผ่านเซลล์ร่างกายเราไปได้

กลไกการป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย

ผิวหนัง(ซึงรวมหนังศีรษะด้วย)เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกายและทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก กลไกการป้องกันประกอบด้วย:

  1. ชั้นป้องกันทางกายภาพ (Physical Barrier): ชั้น stratum corneum เป็นเกราะป้องกันทางกายภาพที่มีความหนาและแข็งแรง ช่วยป้องกันการซึมผ่านของสารเคมีและเชื้อโรค
  2. ระบบภูมิคุ้มกันในผิวหนัง (Skin Immune System): ผิวหนังมีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอม เช่น เซลล์ Langerhans ที่สามารถจับและทำลายเชื้อโรค นอกจากนี้ยังมีการหลั่งสารภูมิคุ้มกัน เช่น แอนตี้ไมโครเบียลเปปไทด์ (antimicrobial peptides) ที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ
  3. ค่า pH ที่เป็นกรดอ่อน (Acid Mantle): ผิวหนังมีค่า pH ที่เป็นกรดอ่อน ซึ่งช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่นๆ ค่า pH นี้ยังช่วยคงความสมดุลของน้ำและไขมันในผิวหนัง
  4. การผลัดเซลล์ผิว (Cell Turnover): ผิวหนังมีการผลัดเซลล์อย่างต่อเนื่อง เซลล์ที่ตายแล้วจะถูกผลัดออกและถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่ ซึ่งช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมและสารที่สะสมอยู่บนผิวหนัง
  5. สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants): ผิวหนังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันและความเสียหายจากแสงแดด

จากกลไกการป้องก้นสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่ายกายนี้ เราจะเห็นได้ว่า เมื่อเราทาโทนิคหรือเซรั่มที่หนังศีรษะ ระบบร่างกายเราจะมองผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเป็นสิ่งแปลกปลอม จะทำให้ซึมผ่านชั้นป้องกันที่ผิวหนังชั้นนอกไปได้ยาก จะติดอยู่ที่ผิวหนังชั้นนอกเป็นส่วนใหญ่ และที่ผิวหนังจะมีค่า pH เป็นกรดอ่อนและมีสารต้านอนุมูลอิสระทำให้สารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์เสื่อมลงได้ ส่วนที่ซึมผ่านไปได้ก็จะถูกระบบภูมิคุ้มกันในผิวหนังดักจับและทำลายทิ้งไป ดังนั้นไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะดีอย่างไรก็จะถูกกลไกป้องกันสิ่งแปลกปลอมของร่างกายเราดักจับไว้ ทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นใช้แล้วไม่เห็นผล

สาเหตุที่ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถซึมเข้าในชั้นลึกของผิวหนังได้

การใช้ผลิตภัณฑ์แล้วไม่สามารถซึมลีกลงไปชั้นใต้ผิวหนังได้ สาเหตุนอกจากกลไกป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายเราแล้วยังมีอีกหลายสาเหตุ ที่ตัวของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเองก็เป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งคือ:

  1. ขนาดโมเลกุลของสารประกอบ: ขนาดของโมเลกุลของสารประกอบในเซรั่มเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการซึมผ่านของผิวหนัง เซรั่มที่มีโมเลกุลใหญ่จะไม่สามารถซึมผ่านชั้น stratum corneum (ชั้นนอกสุดของผิวหนัง) ได้ดี ขณะที่โมเลกุลขนาดเล็กสามารถซึมผ่านได้ง่ายกว่า
  2. โครงสร้างและองค์ประกอบของผิวหนัง: ชั้น stratum corneum ประกอบไปด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วและไขมัน (lipid) ที่สร้างเป็นโครงสร้างเหมือนอิฐและปูน (brick and mortar) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันและควบคุมการซึมผ่านของสารต่างๆ การซึมผ่านของเซรั่มที่มีโมเลกุลใหญ่หรือสารที่ไม่สามารถแทรกผ่านไขมันได้จะถูกจำกัด
  3. ค่า pH และสมดุลของน้ำและไขมัน: ผิวหนังมีค่า pH ที่เป็นกรดอ่อนๆ (ประมาณ 4.5-5.5) ซึ่งช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่นๆ เซรั่มที่มีค่า pH ไม่เหมาะสมกับผิวหนังอาจทำให้การซึมผ่านลดลง นอกจากนี้ สมดุลระหว่างน้ำและไขมันในผิวหนังก็มีผลต่อการซึมผ่านของสารประกอบเช่นกัน
  4. ความเข้มข้นของสารประกอบ: เซรั่มที่มีความเข้มข้นสูงเกินไปอาจทำให้การซึมผ่านลดลง เนื่องจากการสะสมของสารบนผิวหนังชั้นนอกมากเกินไปทำให้เกิดการอุดตัน
  5. การใช้และวิธีการทา: วิธีการทาเซรั่มมีผลต่อการซึมผ่าน หากทาเซรั่มในปริมาณมากเกินไปหรือไม่ถูกวิธี เซรั่มอาจไม่ได้รับการกระจายตัวอย่างเหมาะสมและซึมผ่านผิวหนังได้ไม่ดี
micro encapsulation ช่วยซึมได้ลึกถึงรากผมใน herberich

การนำ นาโนเทคโนโลยีและ Micro Encapsulation มาช่วยแก้ปัญหาเส้นผม

ต้นตอของปัญหาเส้นผมคือ รากผม เมื่อรากผมเราไม่แข็งแรง จะทำขนาดของรากผมเล็กลงและอยู่ตื้นขึ้น เป็นสาเหตุให้ผมเราหลุดร่วงได้ง่าย อัตราการงอกของผมเส้นผมใหม่น้อยลง เส้นผมที่งอกขึ้นใหม่ก็ไม่พัฒนาไปเป็นเส้นผมที่หนาและยาวขึ้น ทำให้เกิดปัญหาผมบาง จนถึงศีรษะล้านได้ การแก้ป้ญหาเส้นผมที่ได้ผล เราควรจะแก้ปัญหาที่ต้นตอก็คือรากผม ดังนั้นเราจึงนำ Nano technology และ Micro Encapulation มาช่วยพาผลิตภัณฑ์เราซึมลงไปถึงรากผมได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  1. นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology): นาโนเทคโนโลยีคือการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอนุภาคขนาดนาโนเมตร (หนึ่งในพันล้านของเมตร) ในการพัฒนาและปรับปรุงคุณสมบัติของเซรั่มและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนัง
    • นาโนอนุภาค (Nanoparticles): นาโนอนุภาคช่วยในการพาสารประกอบผ่านชั้น stratum corneum และเข้าสู่ชั้นผิวหนังที่ลึกขึ้นได้ดีขึ้น เนื่องจากขนาดเล็กของอนุภาคนาโนที่สามารถแทรกผ่านช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวและไขมันได้ นอกจากนี้ นาโนอนุภาคยังสามารถควบคุมการปล่อยสารประกอบให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้สารประกอบคงอยู่ในผิวหนังได้ยาวนานขึ้น
    • นาโนอิมัลชัน (Nanoemulsions): นาโนอิมัลชันเป็นสารประกอบที่สร้างขึ้นจากการกระจายตัวของอนุภาคน้ำมันในน้ำขนาดนาโนเมตร ซึ่งช่วยในการนำพาสารประกอบที่ละลายในน้ำมันผ่านชั้นผิวหนัง นาโนอิมัลชันสามารถเพิ่มการซึมผ่านของสารประกอบและปรับปรุงการกระจายตัวของเซรั่มบนผิวหนัง
  2. Micro encapsulation: เป็นกระบวนการที่นำสารประกอบหลักของเซรั่มมาเก็บอยู่ในแคปซูลขนาดเล็กมาก ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันและควบคุมการปล่อยสารประกอบ
    • การควบคุมการปล่อยสาร (Controlled Release): Microencapsulation ช่วยให้สามารถควบคุมการปล่อยสารประกอบให้เป็นไปอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้สารประกอบสามารถคงอยู่ในผิวหนังได้ยาวนานและเพิ่มประสิทธิภาพในการซึมผ่าน
    • การป้องกันการเกิดออกซิเดชัน (Protection from Oxidation): สารประกอบบางชนิดที่มีความไวต่อแสงหรือออกซิเจนสามารถเกิดการเสื่อมสภาพได้ง่าย Microencapsulation ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสารประกอบเหล่านี้ ทำให้เซรั่มคงประสิทธิภาพได้นานขึ้น
    • การนำพาสารเข้าถึงเป้าหมาย (Targeted Delivery): Microencapsulation ช่วยในการนำพาสารประกอบไปยังเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงในผิวหนัง เช่น การนำพาสารประกอบไปยังเซลล์ที่ต้องการการรักษา ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาเพิ่มขึ้น
micro encapsulation ช่วยควบคุมการปล่อยสารสำคัญในรากผมใน herberich

การประยุกต์ใช้นาโนเทคโนโลยีและ Micro Encapsulation ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

  1. ผลิตภัณฑ์เซรั่ม (Serum Products): การใช้นาโนเทคโนโลยีและ microencapsulation ในเซรั่มช่วยเพิ่มการซึมผ่านของสารประกอบและปรับปรุงประสิทธิภาพในการบำรุงผิว เช่น เซรั่มวิตามินซีที่ใช้นาโนอนุภาคหรือ microencapsulation จะสามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีกว่าและคงประสิทธิภาพได้นานขึ้น
  2. ครีมบำรุงผิว (Moisturizing Creams): ครีมบำรุงผิวที่ใช้เทคโนโลยีนาโนและ microencapsulation ช่วยในการนำพาสารบำรุงเข้าสู่ผิวชั้นลึกและคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้น
  3. ผลิตภัณฑ์ป้องกันแดด (Sunscreen Products): นาโนเทคโนโลยีและ microencapsulation ช่วยในการกระจายตัวของสารกันแดดให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด

บทสรุป

การใช้ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาเส้นผมทั่วไปแล้วไม่เห็นผล เพราะว่า ผลิตภัณฑ์นั้นไม่สามารถซึมลึกไปถึงรากผมที่เป็นต้นเหตุของปัญหาได้ เป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น กลไกป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายเราคอยดักจับเอาไว้, ขนาดโมเลกุลของสารประกอบ, โครงสร้างและองค์ประกอบของผิวหนัง, ค่า pH, ความเข้มข้นของสารประกอบ เหล่านี้เป็นต้น

ดังนั้นเราควรจะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี นาโนเทคโนโลยีและ microencapsulation อยู่ในผลิตภัณฑ์ จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์เราซึมลึงไปถึงรากผมได้ โดยนาโนอนุภาคช่วยในการพาสารประกอบผ่านชั้นผิวหนังลงไปที่รากผมและ microencapsulation ช่วยป้องกันการถูกทำลายจากความเป็นกรดและสารต้านอนุมูลอิสระที่ผิวหนัง เมื่อถึงรากผมจะเป็นตัวควบคุมการปล่อยสารออกฤทธิ์ออกมา และยังป้องกันการเสื่อมสภาพของสารประกอบในขวดอีกด้วย

herberich ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาเส้นผม ได้รับรางวัลจากงานประกวดที่ประเทศสวิส

Herberich Hair Plus เป็นโทนิคที่แก้ปัญหาเส้นผมที่ใช้นาโนเทคโนโลยีและ microencapsulation พร้อมทั้งมีโกรทแฟคเตอร์อีก 4 ชนิด เป็นนวัตกรรมวิจัยจากสถาบันวิจัยและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ และไปคว้ารางวัลสูงสุดในหมวด(skin care) ในเวทีประกวดงานวิจัยสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมนานาชาติในงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva” ซึ่งจัดขึ้น ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยเลือกใช้สารสกัดจากดอกคำฝอย ซึ่งมีวารสารทางการแพทย์และเภสัชสากลยืนยันว่า สามารถลดการหลุดร่วงและกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้ดีที่สุดได้ใกล้เคียงกับการใช้ยา ช่วยให้มีเซลล์รากผมเพิ่มขึ้น รากผมเจริญเติบโตแข็งแรง ฟื้นฟูสภาพให้กลับมาทำงานได้สมบูรณ์อย่างเดิม ทำให้ลดการหลุดร่วงและกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อรากผมแข็งแรง สามารถหยุดใช้ไม่กลับมาร่วงใหม่

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *